ป่าปะการังโลกกำลังถูกคุกคาม

ทุกวันนี้ โลกที่เราอาศัยอยู่ได้เกิดปัญหามากมาย ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องโลกที่ร้อนขึ้น น้ำท่วม ขยะล้นเมืองอากาศเป็นพิษ ป่าไม้ถูกทำลาย และอื่น ๆ ล้วนเป็นสิ่งที่มนุษย์เราเริ่มวิตกกังวลเพราะหากว่าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นมากจนไม่สามารถจะควบคุมได้ มนุษย์เราก็จะต้องเดือดร้อนปัญหาเหล่านี้ เรามองเห็นหรือบางทีอาจจะได้สัมผัสด้วยตนเอง แต่มีอีกสิ่งหนึ่งที่หลายคนอาจจะนึกไม่ถึงว่ามีส่วนสนับสนุนและช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อมบางอย่างได้ และยังช่วยให้โลกเรามีชีวิตที่ยืนยาวขึ้นอีก สิงนั้นคือสัตว์เล็ก ๆ ที่อาศัยอยู่ใต้ท้องทะเล โดยเฉพาะในเขตอบอุ่นสัตว์เหล่านี้ทำหน้าที่เปรียบเสมือนแหล่งสร้างอาหารสร้างชีวิตให้สิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ในท้องทะเล และมนุษย์บนโลก เราแทบจะกล่าวได้ว่าเจ้าสัตว์เล็ก ๆ เหล่านี้มีความสำคัญเทียบเท่ากับป่าไม้เขตร้อนของโลกและสัตว์ทะเลชนิดนี้เรารู้จักในนามของ "ปะการัง"

ปะการังเกิดจากสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กจำนวนมากที่อาศัยอยู่ภายใต้การปกป้องของโครงสร้างที่เป็นหินปูน ใต้ทะเลสัตว์ตัวเล็ก ๆ เหล่านี้ใช้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากผิวน้ำมาสร้างโครงสร้างภายนอก เพื่อป้องกันตนเองด้วยเหตุนี้ปะการังจึงมีประโยชน์ในการลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์บริเวณพื้นผิวโลก ซึ่งเป็นการชวยลดปัญหาปฏิกิริยาเรือนกระจก ที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของโลกด้วย ปะการังโดยสวนใหญ่จะอยู่รวมกันเป็นพื้นที่กว้างเรียกว่า ป่าปะการังหรือแนวปะการัง

แนวปะการังทั้งโลกแบ่งออกเป็น 3 แบบด้วยกันคือ

1. แนวปะการังแบบแนวกำแพง หรือ Barrier Reef เป็นแนวปะการังนอกชายฝั่งทีเกิดขึ้นแบบเป็นแนวกำแพง ทั้งใหญ่โตและกว้างใหญ่ บางทีมีความยาวเป็นร้อย ๆไมล์เช่น แนวปะการัง Great Barrier Reef ประเทศออสเตรเลียแนวปะการังแถบหมู่เกาะบาฮามาล์ ทะเลแคริบเบียน

2. แนวปะการังแบบเกาะปะการัง หรือ Atoll เป็นแนวปะการังที่สะสมตัวกันขึ้นในแนวดิงจนโผล่พ้นพื้นน้ำ กลายสภาพเป็นเกาะปะการัง เช่น ที่หมู่เกาะมัลดีฟ และเกาะสีปาดัน ประเทศมาเลเซีย

3. แนวปะการังชายฝั่ง หรือ Fringing Reef เป็นแนวปะการังที่เกิดขึ้นตามชายฝั่งและหมู่เกาะชายฝั่ง ซึ่งปะการังในประเทศไทยจัดอยู่ในกลุ่มที่ 3

แนวปะการังของไทย แบ่งตามลักษณะภูมิประเทศออกได้เป็น 4 แบบคือ

1. แนวปะการังชายฝั่ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นปะการังแข็ง เป็นดงใหญ่ ๆ แนวปะการังแบบนี้มีคุณประโยชน์ต่อระบบนิเวศทะเลอย่างมาก เพราะเป็นแหล่งที่สัตว์เล็กสัตว์น้อยและลูกปลาในวัยเจริญพันธุ์เข้าไปใช้ชีวิตอยู่ แนวปะการังแบบนี้เองที่มักจะถูกทำลายแทบทุกพื้นที่ จนแทบจะสิ้นสภาพไปแล้ว

2. แนวปะการังบนหาดทราย เป็นแนวปะการังทีเพิ่งเริ่มจะก่อตัว

3. แนวปะการังบนโขดหิน เป็นปะการังย่อยๆ ที่เกิดขึ้นบนโขดหินใต้น้ำมีขนาดไมใหญ่

4. แนวปะการังอ่อนและกัลปังหา ซึ่งเป็นปะการังสวยงาม

แนว<wbr>ปะ<wbr>กา<wbr>รัง<wbr><wbr>

พื้นที่มหาสมุทรทั่วโลกทั้งหมดมีปะการังกระจายอยู่เพียงร้อยละ0.17 เท่านั้น แต่กระนั้นก็ตามพบว่า ปะการังในท้องทะเลและมหาสมุทรเป็นแหล่งอาหาร และแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ทะเลถึง 1 ใน 3 ของสัตว์ทะเลทั้งหมด ป่าปะการังแห่งเดียวสามารถที่จะสนับสนุนวงจรชีวิตของสัตว์น้ำได้มากถึง 3,000 ชนิด ป่าปะการังกลายเป็นแหล่งที่เลี้ยงชีพชาวประมงเพราะปลาต่าง ๆ มักจะอยู่อาศัยในเขตปะการัง ป่าปะการังเป็นแหล่งอาหารโปรตีนถึงร้อยละ 90 ของประชากรที่อาศัยอยู่ตามหมู่เกาะในแถบมหาสมุทรแปซิฟิก นอกเหนือไปจากประโยชน์ทางอ้อมแล้ว ประโยชน์ทางตรงของปะการังคือ ความสวยงามของปะการังที่ใช้เพื่อการท่องเที่ยว ในหลายประเทศรวมทั้งประเทศไทยของเราด้วยที่มีป่าปะการัง คือ ความสวยงามของปะการังทีใช้เพื่อการท่องเที่ยว ในหลายประเทศรวมทั้งประเทศไทยของเราด้วยที่มีป่าปะการังที่สวยงามในเขตท้องทะเลฝั่งอันดามันอันลือชือติดอันดับป่าปะการังที่สวยงามในเขตท้องทะเลฝั่งอันดามันอันลือชื่อติดอันดับ ป่าปะการังที่สวยงาม1 ใน 10 ของโลก (เกาะสิมิลัน) ช่วยทำให้เกิดรายได้ให้กับประเทศไทยด้านการท่องเที่ยว และยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่คนอยู่ห่างทะเลอาจไม่มีทางรู้ได้ถึงหน้าที่ที่สำคัญนอกเหนือจากการเป็นแหล่งอาหารและสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับผู้รักธรรมชาติ แนวปะการังขนาดใหญ่ยังสามารถทำหน้าที่เป็นกันชน ป้องกันคลื่นและปกป้องพื้นที่ชายฝั่งจากพายุและมรสุมทุกชนิดได้ นอกจากนี้ในประเทศฟิลิปปินส์และประเทศชุมชนตามแนวชายฝั่งทั่วโลกมีการใช้พืชและสัตว์จากแนวหินปะการังเพื่อรักษาโรคร้ายด้วย

คงไม่มีใครปฏิเสธถึงคุณประโยชน์และคุณค่าอเนกอนันต์ของปะการัง แต่ในวันนี้ป่าปะการังหลายแห่งกำลังถูกลืมและถูกทำลายทั้งโดยเจตนาและไม่เจตนา รวมไปถึงปะการังในบ้านเราก็ประสบปัญหาเช่นกัน จะมีสักกี่คนที่รู้ว่า กว่าที่ปะการังจะเติบโตเป็นโครงสร้างที่สวยงามในท้องทะเลได้นั้นต้องใช้เวลาเป็นร้อย ๆ ปี แต่มนุษย์เราสามารถใช้เวลาเพียงน้อยนิดทำลายได้ในชั่วพริบตา ปะการังใช้เวลาสร้างหินปูนเป็นโครงสร้างได้เพียง 0.25-0.50 เซนติเมตรเท่านั้นในแต่ละปี แต่จะพบว่าเพียงการทอดสมอเรือในจุดชมปะการังก็เป็นสาเหตุสำคัญสาเหตุหนึ่งที่มีผลกระทบต่อป่าปะการังในเมืองไทยแล้ว ที่จังหวัดภูเก็ตมีปะการังถูกทำลายเป็นบริเวณกว้าง ทั้งจากการระเบิดปลาของชาวประมง การลากอวนจับปลา รวมทั้งการค้าขายปะการัง

จนถึงวันนี้ หากแนวปะการังที่ยังคงมีอยู่ถูกละเลย มองข้ามไป โดยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือเพื่อการแสวงหาผลประโยชน์โดยไม่คำนึงถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า เราคงสามารถทำนายได้ว่าหมู่ปลา สัตว์น้ำทะเล รวมทั้งมวลมนุษย์ คงหนีไม่พ้นสภาวะการขาดแคลนแหล่งอาหาร และระบบนิเวศวิทยาทีสำคัญแห่งท้องทะเล และหากถึงวันนั้นปะการังทีสวยงามอาจะเป็นเพียงตำนานเช่นเดียวกับสัตว์ป่าหลายชนิดที่ สูญพันธุ์ไปแล้วเพราะน้ำมือของมนุษย์


ที่มา : รวบรวมจาก เพชรมาลัย ธรรมทา, วารสารสิ่งแวดล้อม สถาบันวิจัยสภาวะแวดล้อม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปีที่ 3 ฉบับที่ 12 เดือนมกราคม-มีนาคม 2542