สารหนู

         การสูดเอาฝุ่นละอองของสารหนูชนิดอินทรีย์ หรือก๊าซซึ่งมีส่วนประกอบของสารหนู  มีการใช้สารหนูในทางอุตสาหกรรม เกษตรกรรมและการแพทย์  โดยเฉพาะใช้ในด้านเกษตรกรรมเป็นยาฆ่าแมลงและปราบศัตรูพืช โรงงานอุตสาหกรรมที่ใช้สารหนูก็ได้แก่ โรงงานย้อมผ้า โรงงานทำสี ทำดอกไม้เพลิง โรงงานพิมพ์ดอกผ้า โรงงานผลิตแก้ว โรงงงานผสมตะกั่วกับสารหนู เพื่อให้เนื้อตะกั่วแข็งขึ้น โรงงานทำผงซักฟอก ถ้าคนงานสูดหายใจเอาก๊าซซึ่งมีส่วนประกอบของสารหนูเข้าไปจะมีอาการ คือ

    อาการทางทางเดินหายใจ ทำให้ระคายเคืองต่อเนื้อเยี่อเมื่อสูดหายใจเข้าไปบ่อยๆนานๆ ทำให้เยื่อบุกั้นจมูกทะลุ ติดต่อกันได้โดยไม่มีอาการเจ็บปวดแต่อย่างใด น้ำมูกแห้ง คอแห้ง เสียงแหบ เกิดมะเร็งที่ปอด

    อาการทางผิวหนัง  ฝุ่นปลิวถูกผิวหนังจะไปรวมอยู่ที่รอยพับที่ชื้นแฉะของผิวหนัง เช่น รอบๆ จมูก รอบๆ ปาก  บริเวณรักแร้และขาหนีบ ทำให้เกิดระคายเคือง อักเสบบวมแดงเป็นตุ่มแข็งใส พองหรือผิวหนังแข็งด้าน หรือเป็นหูดซึ่งเป็นสาเหตุของมะเร็งที่ผิวหนังได้

    อาการทางตา  จะเกิดอาการตาแดง  ตาอักเสบ เพราะถูกรบกวนจนกระทั่งเส้นโลหิตฝอยแตก
อาการทางระบบประสาท  เนื่องจากสารหนูเข้าไปสู่ระบบการไหลเวียนของโลหิต ซึ่งจะมีผลต่อน้ำย่อยที่ช่วยในระบบเผาผลาญของร่างกาย ทำให้การทำงานเสียไป ปลายประสาทอักเสบแขนขาชาและเป็นอัมพาตในที่สุด

    อาการทางสมอง  ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อสมอง กระสับกระส่าย ความจำเสื่อม
อาการอื่น ๆ เช่น เกิดอาการทางตับ สารประกอบอนินทรีย์  นี้สามารถที่จะทำลายตับได้ ในรายที่กินสารประกอบของสารหนูเข้าไปเป็นเวลานาน จะทำให้เกิดการตับแข็ง ตับอักเสบ

มาตรฐานสารประกอบของสารหนู

         สารประกอบอนินทรีย์ของสารหนูในรูปของไอระเหยควัน หรือฝุ่นมีไม่ควรเกิน 0.5 มิลลิกรัม ต่ออากาศลูกบาศก์เมตร หรือในรูปของก๊าซอาร์ซีนมีไม่ควรเกิน 0.2 มิลลิกรัม/อากาศลูกบาศก์เมตร หรือ 0.05 ส่วนในล้านส่วนของอากาศ
 สารหนูชนิดอินทรีย์ เป็นสารที่เป็นพิษมาก ส่วนมากใช้เป็นก๊าซพิษในสงคราม คนที่แพ้พิษก๊าซนี้ก็มักเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตก๊าซพิษนี้
 
สารอินทรีย์ (Organic Arsenic) ในกลุ่มนี้แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ

        1. อลิฟาติค อาร์ซีน  (Aliphatic Arsine) ซึ่งมีฤทธิ์ทำให้ผิวหนังเป็นผื่นแดง และมีเม็ดใสพุพองเกิดขึ้น ถ้าหากสูดหายใจเข้าไปจะทำให้เกิดความระคายเคืองต่อปอด ไอ หายใจแน่นอึดอัด

        2. อโรเมติค อาร์ซีน (Aeromatic Arsine) ทำให้เกิดอาการเหมือนกลุ่มแรก แต่จะมีอาการจามอย่างรุนแรงเพิ่มขึ้นมาอีกอาการหนึ่ง

        3. เฮดเทโรไซคริค อาร์ซีน (Hetarocyclice Arsine) มีฤทธิ์ต่อปอดและทำให้เกิดการจามอย่างรุนแรงกว่า 2 กลุ่มแรก



ที่มา : รวบรวมจาก ศาสตราจารย์ นายแพทย์ ดร.วิจิตร บุณยะโหตระ ,ชีวิตและสิ่งแวดล้อม