เมื่อเครือข่ายคอมพิวเตอร์ กำลังจะเดินทางเข้าภายในบ้าน

คำว่าเครือข่ายภายในบ้าน หรือ "โฮมเน็ต" เป็นคำที่บิลเกต ได้วาดความฝันไว้ และชี้ให้เห็นว่าภายในบ้านควรจะต้องมีเครือข่ายคอมพิวเตอร์เชื่อมโยงอุปกรณ์ต่าง ๆ เข้าด้วยกัน และใช้ประโยชน์ในลักษณะการทำงานของอุปกรณ์ต่าง ๆ แบบอัตโนมัติมากขึ้น

อย่างไรก็ดี เทคโนโลยีโฮมเน็ตได้รับการพัฒนา จากอดีตอย่างช้า ๆ โดยเน้นการนำมาใช้เปิดปิดสวิตซ์ไฟและอุปกรณ์ต่าง ๆ ซึ่งยังไม่เป็นที่นิยมในยุคแรก

ปัจจุบันเป็นจุดหักที่สำคัญ จากการคาดคะเนของบริษัทชั้นนำ เช่น ไอบีเอ็ม อินเทล คอมแพค หรือบริษัทผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ที่สำคัญหลายบริษัทต่างลงความเห็นว่า ในปี ค.ศ. 1999 นี้ เป็นปีเริ่มต้นของโฮมเน็ต จากการคาดคะเนของบริษัทสำรวจข้อมูล Parks Associatesd คาดคะเนว่า ในปีนี้จะมียอดการขายโฮมเน็ต ในสหรัฐเริ่มจาก 75 ล้านเหรียญ และจะเพิ่มเป็นประมาณ 200 ล้านเหรียญ ในปี 2001 และหลังจากนั้นจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

การที่เทคโนโลยีโฮมเน็ตถึงจุดเริ่มต้น เพราะการพัฒนาเครือข่ายคอมพิวเตอร์ทำได้ดี มีราคาถูก ประกอบกับซีพียูที่แทรกตัวอยู่ในอุปกรณ์ และการใช้งานได้แพร่หลาย โดยเฉพาะหลายบ้านเริ่มสนใจที่เชื่อมโยงเข้าสู่อินเทอร์เน็ต

ความต้องการใช้พีซีในบ้านจึงสูงขึ้น บริษัทดาต้าเควสได้ให้ข้อมูลสำรวจบ้านในสหรัฐอเมริกา พบว่าในปี 1997 มีบ้านจำนวน 12.3 ล้านหลัง ที่มีพีซีมากกว่าหนึ่งเครื่อง และจะมีเพิ่มเป็น 20.1 ล้านหลัง ที่มีพีซีมากกว่าหนึ่งเครื่องในปี 2000

เมื่อเป็นเช่นนี้ การใช้พีซีอย่างเดียวในบ้านก็มีความจำเป็นที่จะต้องเชื่อมเข้าหากัน และที่สำคัญคือการเชื่อมโฮมเน็ตกับอินเตอร์เน็ตเป็นเป้าหมายที่สำคัญของการดำเนินการ โฮมเน็ตยังต่อเชื่อมเพื่อเรียกสัญญาณมัลติมีเดียผ่านทางอินเทอร์เน็ต โดยเฉพาะในเรื่องของสัญญาณเสียง เช่น mp3 หรือการเปิดวิทยุ และสัญญาณวิดิโอ นั่นคือ โฮมเน็ตจำเป็นต้องเปิดเกตเวย์เข้าสู่ระบบทีวี ระบบโทรศัพท์ และโทรสาร ตลอดจนระบบการรับบริการทางด้านอื่น ๆ อีกหลายอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้น

แนวโน้มสำคัญที่ทำให้เกิดโฮมเน็ตคือ การเพิ่มขีดความสามารถของการใช้ช่องสัญญาณเข้าสู่บ้านสูงขึ้น ปัจจุบันเราใช้โมเด็มขนาด 56 กิโลบิต เพื่อต่อเข้าสู่อินเทอร์เน็ต แต่เทคโนโลยีใหม่เช่น เคเบิ้ล โมเด็ม สามารถให้ความเร็วได้ถึง 1.56 เมกะบิต หรือ 2 เมกะบิตต่อวินาที และยังมีแนวโน้มที่จะใช้เส้นใยแก้วนำแสง

กุญแจที่จะไขไปสู่ความสำเร็จยังอยู่ที่ความง่ายของการเชื่อมต่อเครือข่ายภายในบ้าน การติดตั้งอุปกรณ์ต่าง ๆ รวมถึงซอฟต์แวร์ที่จะต้องพัฒนาให้รองรับการใช้งาน หลายบริษัทซึ่งเล็งเห็นความสำคัญในเรื่องนี้ได้เริ่มพัฒนาซอฟต์แวร์กันบ้างแล้ว และมีแนวโน้มที่จะมีผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ที่ใช้กับโฮมเน็ตออกขายอย่างมากในปีหน้า

โมเดลของโฮมเน็ต

เทคโนโลยีที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับโฮมเน็ตยังคงเกี่ยวข้องกับสายโทรศัพท์ และเครือข่ายบริการสาธารณะต่าง ๆ ในประการแรกต้องทำให้ขีดความสามารถของสายสัญญาณรองรับสัญญาณแถบกว้างได้สูงขึ้น สิ่งนี้ค่อนข้างจะเป็นไปได้ เพราะมีเทคโนโลยีหลายรูปแบบที่จะนำ มาใช้

เครือข่ายภายในบ้านเองก็ได้รับการพัฒนาด้วย มีทั้งการสร้างอุปกรณ์ฮัพราคาถูก เพื่อให้อุปกรณ์ต่าง ๆ ต่อเชื่อมได้ง่าย การต่อเชื่อมย่อมต้องสร้างมาตรฐาน โดยเฉพาะระบบการ ติดตั้งที่เรียบง่าย แบบปลั้กแอนเพลย์ มาตรฐานการเชื่อมโยงยังครอบคลุมไปถึงแบบที่ใช้สายและไม่ใช้สาย (wireless) เครือข่ายที่ไม่ใช้สายในปัจจุบันให้ความเร็วได้ที่ 1 ถึง 4 เมกะบิตต่อวินาที ซึ่งก็พอเพียงกับการใช้งาน ยังมีการนำเอาเทคโนโลยีที่ส่งสัญญาณแบบอินฟราเรด โดยสามารถส่งสัญญาณไปรอบ ๆ ได้ระยะทางหลายสิบฟุต บางบริษัทเริ่มพัฒนาให้ส่งสัญญาณข้อมูลเข้าไปในสายไฟฟ้ากำลัง เพื่อลดข้อยุ่งยากในการเดินสายสัญญาณ เทคโนโลยีเครือข่ายในบ้านจึงเป็นแบบลูกผสมที่หลายบริษัทได้เสนอแนวคิด และรูปแบบการพัฒนาผลิตภัณฑ์

เมื่อเป็นเช่นนี้การทำให้เข้ากันได้จึงเป็นเรื่องที่สำคัญยิ่ง มาตรฐานของโฮมเน็ตจึงต้องได้รับการกำหนด ปัจจุบันจึงมีการวางกลุ่มผู้ผลิตที่จะร่วมกันเป็นกรรมการสร้างมาตรฐานต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน เช่น HomeAPI เป็นคณะทำงานที่จะพัฒนาระบบซอฟต์แวร์ให้เชื่อมต่อเข้าหากันได้ โดยเฉพาะถ้ามีการใช้ซอฟต์แวร์ร่วมกันในงานการควบคุมอุปกรณ์ งานเฝ้าดู (monitor) และตรวจสอบ ตลอดถึงงานการประยุกต์ คณะทำงานนี้จะต้องสร้างมาตรฐานที่จะนำไปใช้ในระบบโอเอสรุ่นใหม่

ยังมีกลุ่มบริษัทญี่ปุ่น และยุโรป ที่ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านได้ร่วมกันสร้างคณะกรรมการที่ชื่อ HAVi เป้าหมายที่สำคัญคือการสร้างระบบเชื่อมโยงระหว่างอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าให้ได้มาตรฐาน มีการเสนอโครงสร้างการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ รูปแบบโปรโตคอลที่จะผ่านการส่งสัญญาณไปในบัสแบบอนุกรม เป็นต้น

ผู้ที่ใช้พีซีคงคุ้นเคยกับคำว่า ปลั้กแอนเพลย์ มาตรฐานนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่มีการขยายความออกไป มีการสร้างระบบที่จะใช้งานให้ได้กว้างขวางขึ้น โดยเฉพาะการที่จะนำพีซีต่อเชื่อมกับอุปกรณ์อย่างอื่น รวมถึงการรับส่งสัญญาณระหว่างกัน

กลุ่มจาวาก็ไม่น้อยหน้า พยายามผลักดัน JVM - Java Virtual Machine เพื่อใช้เป็นโครงสร้างพื้นฐานของอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่จะทำงานร่วมกัน การใช้เทคโนโลยีจาวาทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าทุกเครื่องทำหน้าที่เสมือนเป็นคอมพิวเตอร์หนึ่งเครื่องที่พูดคุยกันได้ด้วยภาษาจาวา เมื่อเป็น เช่นนี้ แม้แต่สวิตซ์ไฟฟ้าที่ติดอยู่ที่ฝาผนัง ก็มีชิ้นส่วนของจาวายังอยู่ และทำงานร่วมกับอุปกรณ์อื่น ๆ ได้

ความท้าทายย่อมมีอุปสรรค สิ่งที่สำคัญที่จะต้องเอาชนะให้ได้เพื่อให้โฮมเน็ตเป็นที่เชื่อถือ คือระบบการรักษาความปลอดภัยของระบบ ทั้งนี้เพราะโฮมเน็ต ต่อเข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ตสากล การบุกรุกของผู้แปลกปลอมย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ ปัญหานี้จึงเป็นปัญหาที่ท้าทายอย่างยิ่ง

การพัฒนาเทคโนโลยีคงเดินต่อไป และยากที่จะหยุดยั้งได้ โดยเฉพาะเป้าหมายทางด้านผู้ใช้ทั่วโลกจำนวนมหาศาล โฮมเน็ตจึงเป็นงานที่นักพัฒนาต้องการให้เกิดขึ้น เพราะนั่นหมายถึงความสำเร็จอีกก้าวหนึ่งของเทคโนโลยี

โฮมเน็ต ชื่อนี้คงจะติดปากและได้ยินได้ฟังเพิ่มขึ้นในไม่ช้านี้


เขียนโดย : รศ.ยืน ภู่วรวรรณ
Last update : 17/05/1999