มนุษย์พยายามสร้างเครื่องมือเพื่อช่วยการคำนวณมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว
จึงได้พยายามพัฒนาเครื่องมือต่าง ๆ ให้สามารถใช้งานได้ง่ายเพิ่มขึ้นตามลำดับ
ซึ่งพอที่จะลำดับเครื่องมือที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นมามีดังนี้
-
ในระยะ
5,000 ปี ที่ผ่านมา มนุษย์เริ่มรู้จักการใช้นิ้วมือและนิ้วเท้าของตนเพื่อช่วยในการคำนวณ
และพัฒนาเป็นอุปกรณ์อื่น ๆ เช่น ลูกหิน
-
ประมาณ 2,600
ปีก่อนคริสตกาล ชาวจีนได้ประดิษฐ์เครื่องมือเพื่อใช้ในการคำนวณขึ้นมาชนิดหนึ่ง
เรียกว่า ลูกคิด (Abacus) ซึ่งถือได้ว่าเป็นอุปกรณ์ช่วยการคำนวณที่เก่าแก่ที่สุดในโลกและยังคงใช้งานมาจนถึงปัจจุบัน
-
พ.ศ.
2158 นักคณิตศาสตร์ชาวสก็อตแลนด์ชื่อ
John Napier ได้ประดิษฐ์อุปกรณ์ที่ใช้ช่วยในการคำนวณขึ้นมาเรียกว่า
Napier's
Bones เป็นอุปกรณ์ที่มีลักษณะคล้ายกับตารางสูตรคูณในปัจจุบัน
-
พ.ศ.
2185 นักคณิตศาสตร์ชาวฝรั่งเศส ชื่อ Blaise
Pascal
ได้ออกแบบเครื่องมือช่วยในการคำนวณโดยใช้หลักการหมุนของฟันเฟืองหนึ่งอันถูกหมุนครบ
1 รอบ ฟันเฟืองอีกอันหนึ่งทางด้านซ้ายจะถูกหมุนไปด้วยในเศษ
1 ส่วน 10 รอบ เช่นเดียวกับการทดเลขสำหรับผลการคำนวณจะดูได้ที่ช่องบน
และได้ถูกเผยแพร่ออกสู่สาธารณชนเมื่อ
พ.ศ. 2188 แต่ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร
เครื่องมือนี้สามารถใช้ได้ดีในการคำนวณบวกและลบ
เท่านั้น ส่วนการคูณและหารยังไม่ดีเท่าไร
-
ในปี
2216 นักปรัชญาชาวเยอรมันชื่อ Gottfried Wilhelm Baronvon
Leibnitz ได้ปรับปรุงเครื่องคำนวณของปาสคาล ซึ่งใช้การบวกซ้ำ
ๆ กันแทนการคูณเลข จึงทำให้สามารถทำการคูณและหารได้โดยตรง
ซึ่งอาศัยการหมุนวงล้อของเครื่องเอง เครื่องคิดเลขที่ไลบนิซ
สร้างขึ้นเรียกว่า Leibniz's Stepped และยังค้นพบเลขฐานสอง
(Binary Number) คือ เลข 0 และเลข 1 ซึ่งเป็นระบบเลขที่เหมาะในการคำนวณ
-
พ.ศ.
2344 นักประดิษฐ์ชาวฝรั่งเศสชื่อ Joseph Marie Jacquard
ได้พยายามพัฒนาเครืองทอผ้าโดยใช้บัตรเจาะรูในการบันทึกคำสั่งควบคุมเครื่องทอผ้าให้ทำตามแบบที่กำหนดไว้
ซึ่งเป็นแนวทางที่ทำให้เกิดการประดิษฐ์เครื่องเจาะบัตร
(Punched Card Machine) ในเวลาต่อมา และถือว่าเป็นเครื่องจักรที่ใช้ชุดคำสั่ง
(Program) สั่งทำงานเป็นเครื่องแรก
-
พ.ศ.
2373 Charles Babbage ศาสตราจารย์ทางคณิตศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยแคมบริดจ์ของอังกฤษ
ได้สร้างเครื่องหาผลต่าง (Difference Engine) ซึ่งเป็นเครื่องที่ใช้คำนวณและพิมพ์ตารางทางคณิตศาสตร์อย่างอัตโนมัติ
แต่ก็ไม่สำเร็จตามแนวคิด ด้วยข้อจำกัดทางด้านวิศวกรรมในสมัยนั้น
แต่ได้พัฒนาเครื่องมือหนึ่งเรียกว่า เครื่องวิเคราะห์
(Analytical Engine) เครื่องนี้ประกอบด้วยส่วนสำคัญ 4
ส่วน คือ
1.
ส่วนเก็บข้อมูล
เป็นส่วนที่ใช้ในการเก็บข้อมูลนำเข้าและผลลัพธ์ที่ได้จากการคำนวณ
2.
ส่วนประมวลผล
เป็นส่วนที่ใช้ในการประมวลผลทางคณิตศาสตร์
3.
ส่วนควบคุม
เป็นส่วนที่ใช้ในการเคลื่อนย้ายข้อมูลระหว่างส่วนเก็บข้อมูลและส่วนประมวลผล
4.
ส่วนรับข้อมูลเข้าและแสดงผลลัพธ์
เป็นส่วนที่ใช้รับข้อมูลจากภายนอกเครื่องเข้าสู่ส่วนเก็บข้อมูลและแสดงผลลัพธ์ที่ได้จากการคำนวณด้วยเครื่องวิเคราะห์นี้มีลักษณะใกล้เคียงกับส่วนประกอบของระบบคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน
จึงทำให้ Charles Babbage ได้รับการยกย่องให้เป็น
"บิดาแห่งคอมพิวเตอร์"
-
พ.ศ.
2385 สุภาพสตรีชาวอังกฤษชื่อ Lady
Augusta Ada Byron ได้ทำการแปลเรื่องราวเกี่ยวกับเครื่อง
Analytical
Engine และได้เขียนขั้นตอนของคำสั่งวิธีใช้เครื่องนี้ให้ทำการคำนวณที่ยุ่งยากซับซ้อนไว้ในหนังสือ
Taylor's Scientific Memories จึงนับได้ว่า ออกุสต้า
เป็นโปรแกรมเมอร์คนแรกของโลก และยังค้นพบอีกว่าชุดบัตรเจาะรูที่บรรจุชุดคำสั่งไว้สามารถนำกลับมาทำงานซ้ำใหม่ได้ถ้าต้องการ
นั่นคือหลักการทำงานวนซ้ำ หรือที่เรียกว่า
Loop เครื่องมือคำนวณที่ถูกพัฒนาขึ้นในศตวรรษที่
19 นั้น ทำงานกับเลขฐานสิบ (Decimal Number) แต่เมื่อเริ่มต้นของศตวรรษที่
20 ระบบคอมพิวเตอร์ได้ถูกพัฒนาขึ้นเป็นลำดับ
จึงทำให้มีการเปลี่ยนแปลงมาใช้เลขฐานสอง
(Binary Number)กับระบบคอมพิวเตอร์ ที่เป็นผลสืบเนื่องมาจากหลักของพีชคณิต
-
พ.ศ.
2397 นักคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษ George Boole ได้สร้างระบบพีชคณิตแบบใหม่
เรียกว่า พีชคณิตบูลลีน (Boolean Algebra)ซึ่งมีประโยชน์มากต่อการออกแบบวงจรไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์และการออกแบบทางตรรกวิทยาของเครื่องคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันด้วย
-
พ.ศ.
2423 Dr. Herman Hollerith นักสถิติชาวอเมริกันได้ประดิษฐ์เครื่องประมวลผลทางสถิติเครื่องแรก
ซึ่งใช้กับบัตรเจาะรู ซึ่งได้ถูกนำมาใช้ในงานสำรวจสำมะโนประชากรของสหรัฐอเมริกา
เรียกบัตรเจาะรูนี้ว่า บัตรฮอลเลอริท หรือบัตรไอบีเอ็ม
เพราะผู้ผลิตคือบริษัท ไอบีเอ็ม
-
พ.ศ.
2480 ศาสตราจารย์ Howard Aiken ได้พัฒนาเครื่องคำนวณตามแนวคิดของแบบเบจ
ร่วมกับวิศวกรของบริษัท ไอบีเอ็มได้สำเร็จโดยเครื่องจะทำงานแบบเครื่องจักรกลปนไฟฟ้าและใช้บัตรเจาะรูเป็นสื่อในการนำข้อมูลเข้าสู่เครื่องเพื่อทำการประมวลผล
เครื่องมือนี้มีชื่อว่า MARK
I หรือมีอีกชื่อหนึ่งว่า
IBM Automatic Sequence Controlled Calculator และนับเป็นเครื่องคำนวณแบบอัตโนมัติเครื่องแรกของโลก
-
พ.ศ.
2486 เป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ศูนย์วิจัยของกองทัพบกสหรัฐอเมริกา
ต้องการเครื่องคำนวณหาทิศทางและระยะทางในการส่งขีปนาวุธ
ซึ่งถ้าใช้เครื่องคำนวณสมัยนั้นจะต้องใช้เวลาถึง
12 ชม.ต่อการยิง 1 ครั้ง ดังนั้น จึงให้ทุนอุดหนุนแก่
John W. Mauchly และ Persper Eckert สร้างคอมพิวเตอร์อิเล็กทรอนิกส์ขึ้นมา
มีชื่อว่า ENIAC
(Electronic Numerical Intergrater and Calculator) สำเร็จในปี
2489 โดยนำหลอดสุญญากาศจำนวน 18,000 หลอดมาใช้ในการสร้าง
ซึ่งมีข้อดีคือ ทำให้เครื่องมีความเร็วและมีความถูกต้องแม่นยำในการคำนวณมากขึ้น
-
พ.ศ.
2492 Dr. John Von Neumann ได้พบวิธีการเก็บโปรแกรมไว้ในหน่วยความจำของเครื่องได้สำเร็จ
เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ถุฏพัฒนาขึ้นตามแนวคิดนี้ได้แก่
EDVAC (Electronic Discrete Variable Automatic Computer) และนำมาใช้งานจริงในปี
2494 และในเวลาเดียวกันมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ก็ได้มีการสร้างคอมพิวเตอร์ในลักษณะคล้ายกับเครื่อง
EDVAC นี้ และให้ชื่อว่า EDSAC (Electronic Delay Strorage
Automatic Calculator) มีลักษณะการทำงานเหมือนกับ
EDVAC คือเก็บโปรแกรมไว้ในหน่วยความจำ
แต่มีลักษณะพิเศษที่แตกต่างออกไปคือ
ใช้เทปแม่เหล็กในการบันทึกข้อมูลต่อมา
ศาสตราจารย์แอคเคิทและมอชลี ได้ร่วมมือกันสร้างเครื่องคอมพิวเตอร์อีก
ชื่อว่า UNIVAC I (Universal Automatic Calculator) ซึ่งผลิตขึ้นมาเพื่อขายหรือเช่า
เป็นเครื่องแรกที่ออกสู่ตลาดซึ่งทำให้คอมพิวเตอร์ขยายตัวออกไปในภาคเอกชน
และเริ่มมีการซื้อขายคอมพิวเตอร์เพื่อใช้งานกันอย่างแพร่หลาย
และวิวัฒนาการเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
|